- รายได้/โบนัส/สวัสดิการ: บริษัทที่ผลกำไรลดลงจากภาคการส่งออก อาจมีการ ชะลอการขึ้นเงินเดือน, ลดโบนัสประจำปี, หรือทบทวนสวัสดิการ ซึ่งกระทบต่อขวัญกำลังใจและกำลังซื้อของพนักงาน
ในการกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวเป็นสมัยที่สอง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ขู่ว่าจะขึ้นภาษีศุลกากรหรือกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ
การตั้งกำแพงภาษีของทรัมป์ได้ทำให้ปริมาณการนำเข้าสินค้าจากบางประเทศลดลง แต่ก็ได้เพิ่มปริมาณสินค้านำเข้าอีกหลายประเทศมายังสหรัฐฯ ด้วย
กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ เก้าอี้ โซฟา โคมไฟ อุปกรณ์ส่องสว่าง เฟอร์นิเจอร์การแพทย์
การใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น
“เราจะเรียกเก็บภาษีจากพวกเขาประมาณครึ่งหนึ่งของที่พวกเขาเรียกเก็บและเคยเรียกเก็บจากเรา ดังนั้นภาษีศุลกากรจะไม่ใช่ภาษีที่เก็บในอัตราที่เท่ากัน” ทรัมป์กล่าวและว่า “ผมคงทำแบบนั้นได้ แต่คงเป็นเรื่องยากสำหรับหลายประเทศ และเราไม่อยากทำเช่นนั้น”
นอกจากผลกระทบโดยตรงแล้ว นโยบายภาษีครั้งนี้ยังส่งผลกระทบทางอ้อมต่อเศรษฐกิจไทยผ่านช่องทางที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น:
รักษาการนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย Trump ตั้งกำแพงภาษี กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นจีน เม็กซิโก และแคนาดา ล้วนเป็นคู่ค้าอันดับต้น ๆ ของสหรัฐฯ ดังนั้น การปรับเพิ่มภาษีนำเข้าก็อาจทำให้เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้เผชิญกับความยากลำบากมากขึ้น และในทางตรงกันข้ามก็ยังทำให้ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับราคาสินค้าแพงขึ้นด้วย
ตามที่นายทรัมป์เปิดเผย สหรัฐฯ ประเทศที่จะถูกเก็บภาษีต่างตอบแทนได้แก่
มาตรการภาษีชุดใหม่ที่ประกาศใช้ ประกอบด้วยองค์ประกอบหลักสองส่วน ที่ต้องทำความเข้าใจอย่างชัดเจน:
หลังจากการประกาศของทรัมป์ นายกรัฐมนตรีของแคนาดา มาร์ก คาร์นีย์ กล่าวว่าภาษีศุลกากรใหม่นี้จะ “เปลี่ยนแปลงระบบการค้าระหว่างประเทศโดยพื้นฐาน” และ “เราจะต่อสู้กับภาษีศุลกากรเหล่านี้ด้วยมาตรการตอบโต้”
ที่ผ่านมาโดนัลด์ ทรัมป์ มักจะพูดว่าต้องการปกป้องภาษีศุลกากรและสร้างงานภายในประเทศ โดยมองว่า สิ่งเหล่านี้เป็นวิธีที่จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตไปพร้อม ๆ กับการจัดเก็บรายได้จากภาษีได้มากขึ้น
“เราจะเก็บภาษีพวกเขาประมาณครึ่งหนึ่งจากที่พวกเขาทำและเก็บจากสหรัฐฯ มาตลอด ดังนั้นกำแพงภาษีนี้ยังไม่ใช่การตอบโต้อย่างเต็มที่” นายทรัมป์กล่าว “ผมควรจะทำอย่างนั้น ผมคิดว่านะ แต่มันคงจะยากลำบากสำหรับประเทศมากมาย และเราไม่ต้องการทำแบบนั้น”